วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

การวัดความคลาดเคลื่อนและการวัดระดับระดับพหุ (Measurement Error and Multivariate Measurement)


     ในการวิเคราะห์ระดับพหุนั้น ผู้ศึกษาต้องมีความเข้าใจในเรื่องของความแปรปรวน รวมไปถึงหลักการรวมของความแปรปรวน  และการวัดในแต่ละครั้งจะเกิดความคลาดเคลื่อน (Measurement Error) ซึ่งความคลาดเคลื่อนของการวัดนี้จะเกิดมาได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูญหายของข้อมูล กระบวนการลงรหัสของข้อมูลผิด เป็นต้น โดยนักวิจัยพยายามที่จะควบคุมเพื่อให้มีความคลาดเคลื่อนของผลในการวัดให้น้อยที่สุด เพราะจะทำให้งานวิจัยดูมีความน่าเชื่อถือ จึงได้พยายามศึกษาและใช้วิธีการที่จะลดค่าความคลาดเคลื่อนดังนี้ 



ความตรงและความเที่ยง (Validity and Reliability)
     ความตรง (Validity) หมายถึง ซึ่งจะมีอยู่หลายแขนง แต่จะขออธิบายในภาพรวมคือ ความตรงจะเป็นการวัดได้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์ของการวิจัย เช่นจะวัดหรือสอบถามเรื่องเงินเดือนของข้าราชการครู ก็ต้องสร้างเครื่องมือและไปเก็บข้อมูลกับข้าราชการครู
   ความเที่ยง (Reliability) หมายถึง ความคงเส้นคงวาของการวัด เป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของตัวแปรที่ใช้ในการสังเกต โดยจะมีทิศทางตรงกันข้ามกับการวัดความคลาดเคลื่อน (Measurement Error)
      สรุปคือ ความตรงเป็นการตรงสอบก่อนว่าเราต้องการศึกษาอะไร และเครื่องมือหรือตัวแปรที่ใช้วัด ตอบโจทย์งานวิจัยได้หรือไม่  ส่วนความเที่ยงนั้นเป็นการยืนยันว่าตัวแปรที่ใช้ในการวิจัยมีคุณภาพเพียงพอ  หากเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยมีความตรง ความเที่ยงจะเป็นผลตามมา แต่หากงานวิจัยมีความเที่ยง ก็อาจจะไม่มีความตรง



ผลกระทบของความคลาดเคลื่อนในการวัด (Impact of Measurement Error)
      ผลกระทบของความคลาดเลื่อนหรือการที่งานวิจัยมีความเที่ยงที่ต่ำนั้น จะสังเกตได้ยากหรือผู้วิจัยต้องตระหนักเสมอว่าในการทำการวิจัยแต่ละครั้ง งานวิจัยจะต้องมีทั้งความตรงและความเที่ยง โดยต้องให้ความสำคัญเป็นอย่างมากไม่ว่าจะเป็นความตรงทั้งภายในและภายนอก หากมีความตรงแล้วความเที่ยงก็จะเกิดขึ้น และส่งผลให้ผลการวิจัยมีความน่าเชื่อถือ 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

วัตถุประสงค์การวิจัย 3 ข้อ สูตรยาผีบอก

      นโยบายเปลี่ยน การปฏิบัติก็เปลี่ยน การทำวิจัยในครูก็ยิ่งลดลง เนื่องด้วยการประเมินวิทยฐานะแบบใหม่หรือเรียกกันติดปากว่า ว.21 วันนี้จะมาพ...