ในการเปรียบเทียบคะแนนของแต่รายวิชานั้น เป็นเรื่องที่ยากเพราะธรรมชาติของแต่ละรายวิชานั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิ้ง
การเปรียบเทียบต้องเป็นเชิงคุณภาพจึงจะมีความน่าเชื่อถือ
แต่ก็เป็นเรื่องที่ยากที่จะเปรียบเทียบในเชิงคุณภาพ เพราะธรรมชาติของแต่ละวิชาแตกต่างกัน
วัดหรือทดสอบในวัตถุประสงค์ที่แตกต่างกัน ถึงแม้จะเปรียบเทียบในรูปของค่าเฉลี่ย
และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การเปรียบเทียบต้องอาศัยเชิงปริมาณเข้ามาการแก้ปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีการแปลงคะแนนดิบเป็นคะแนนซี
(Z- Scores) โดยใช้หลักการทางสถิติมาช่วยในการเปรียบเทียบ
เมื่อพูดถึง คะแนนซี (Z- Scores) ให้นึกถึงเสมอว่า จะมีค่า
เฉลี่ยเท่ากับ 0 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 1 โดยมีสูตรการคำนวณดังนี้
เมื่อ
Z แทน
คะแนนมาตรฐานซี
σ แทน
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานของประชากร
X แทน
คะแนนดิบ
µ แทน
ค่าเฉลี่ยของประชากร
คะแนนซี (Z- Scores) เป็นการแปลงคะแนนในรูปของคะแนนดิบไปสู่ คะแนนมาตรฐาน
ภายใต้ชุดข้อมูลที่มีค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานต่างกัน ดังตัวอย่างต่อไปนี้
วิชาคณิตศาสตร์ 150 ข้อ µ =
110, σ=
26
วิชาภาษาไทย 110 ข้อ µ =
70, σ=
8
วิชาวิทยาศาตร์ 125 ข้อ =
112, σ=
30
คะแนนที่ได้
คะแนนคณิตศาสตร์ 102 คะแนน แปลงเป็นคะแนนซี
ได้เท่ากับ -.31
คะแนนภาษาไทย 80 คะแนน แปลงเป็นคะแนนซี
ได้เท่ากับ 1.25
คะแนนวิทยาศาตร์ 115 คะแนน แปลงเป็นคะแนนซี
ได้เท่ากับ .10
จากตัวอย่างข้างต้น ทราบว่าได้วิชาทั้งสามนั้น
มีคะแนนเต็มต่างกัน ค่าเฉลี่ยและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ก็เป็นชุดของมูลของแต่ละวิชา
แต่เมื่อแปลงมาเป็น คะแนนซี (Z- Scores)
จะทำให้สามารถเปรียบเทียบคะแนนได้ และสามารถนำสาระสนเทศที่อยู่ในรูปแบบ คะแนนซี (Z-
Scores) ไปแก้ไขและปรับปรุงในสาระการเรียนรู้ คณิตศาสตร์ มากที่สุด
เพราะ คะแนน (Z- Scores) มีค่าเป็นลบ
หากคะแนน (Z- Scores) มีค่ามากกว่า 0 หมายถึง หากแปลงกับไปเป็นคะแนนดิบจะมีค่ามากกว่า
ค่าเฉลี่ยของชุดข้อมูลนั้น ๆ ในทางตรงกันข้ามหาก
หากคะแนน (Z- Scores) มีค่าเป็นลบ หมายถึง
หากแปลงกับไปเป็นคะแนนดิบจะมีค่าน้อยกว่า ค่าเฉลี่ยของชุดข้อมูลนั้น ๆ
หากคะแนน
(Z- Scores) มีค่าเท่ากับ 0 หมายถึง หากแปลงกับไปเป็นคะแนนดิบจะมีค่าเท่ากับ
ค่าเฉลี่ยของชุดข้อมูลนั้น ๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น